ประกาศ!!!

บล็อกนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา ว 32161 ดาราศาสตร์

อาจารย์ผู้สอน อาจารย์วิสูตร ยอดสุข


จัดทำโดย  นายวโรดม  ฮุ่นศิริ  ชั้น ม.5/4  เลขที่ 3

ปีการศึกษา 2555


โรงเรียนสมุทรปราการ

วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555

คำถามท้ายบทที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศ

คำถาม                                                                                                    

1.เพราะเหตุใดจึงต้องส่งกล้องโทรทรรศน์ขึ้นไปโคจรรอบโลกในการศึกษาวัตถุท้องฟ้า
ตอบ กล้องโทรทรรศน์ที่ส่ง ขึ้นไปพร้อมยานอวกาศนั้น จะมีอุปกรณ์สำคัญติดตั้งไปกับกล้อง คือ ระบบคอมพิวเตอร์ กล้องถ่ายภาพมุมกว้าง เครื่องตรวจวัดสเปกตรัม เครื่องปรับทิศทางของกล้อง ซึ่งข้อมูลต่างๆ ที่ได้จากกล้อง จะทำให้เราได้เห็นรายละเอียดต่างๆ ของวัตถุท้องฟ้า ช่วยให้เกิดความเข้าใจถึงส่วนประกอบในระบบสุริยะ การกำเนิดของดาวฤกษ์ โครงสร้างและการเปลี่ยนแปลงของกาแล็กซี

2.ยานขนส่งอวกาศปล่อยดาวเทียมสื่อสารให้เข้าสู่วงจรโคจรได้อย่างไร
ตอบ ยานขนส่งอวกาศปล่อยดาวเทียมสื่อสารให้เข้าสู่วงโคจรได้ โดยให้อยู่เหนือผิวโลก 35,880 กิโลเมตร ในระดับนี้ดาวเทียมจะเคลื่อนที่รอบโลกเร็วเท่ากับโลกหมุนรอบตัวเอง ดาวเทียมสื่อสารจึงปรากฏอยู่ที่ตำแหน่งเดิมบนท้องฟ้าตลอดเวลา

3.ท่านคิดว่าการอาศัยอยุ่ในอวกาศของมนุษย์อวกาศเป็นระยะเวลานานๆ มีผลกระทบจ่อมนุษย์อวกาศเหล่านั้นอย่างไรบ้าง
ตอบ การอาศัยอยู่ในอวกาศของ มนุษย์อวกาศ ภายในสภาพแวดล้อมแห่งความถ่วงของอวกาศ นักบินอวกาศจะพยายามดำเนินชีวิตประจำวันให้เหมือนอยู่บนโลกมากที่สุด แต่เนื่องจากไม่ถูกดึงดูดจากแรงโน้มถ่วงของโลก จึงมีสภาพไร้น้ำหนัก การกิน การนอน และการออกกำลังกายจึงมีปัญหาและถ้าอยู่ในอวกาศ เป็นระยะเวลานานๆ จะมีผลต่อกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อทุกส่วนจะมีขนาดเล็กลง ระบบสูบฉีดโลหิต หัวใจทำงานช้าลง กระดูกจะมีความหนาแน่นน้อยลง กระดูกจึงเปราะและแตกหักง่าย

 4.การสำรวจอวกาศมีผลดีและผลเสียต่อมนุษย์และโลกอย่างไร
ตอบ - มีผลดีต่อมนุษย์และต่อโลกคือทำให้เข้าใจเรื่องราวต่างๆคือ
 ส่วนประกอบในระบบสุริยะ ,
การกำเนิดของดาวฤกษ์, โครงสร้างและการเปลี่ยนแปลงของกาแล็กซี
 วิวัฒนาการของเอกภพการกำเนิดของโลก,หาคำตอบว่า มนุษย์เกิดมาได้อย่างไรและ การป้องกันโลกไม่ให้เกิดอันตรายจากการชนของวัตถุในอวกาศ
         - ผลเสียที่มีต่อมนุษย์และต่อโลก
 สิ้นเปลืองงบประมาณและ เกิดอันตรายต่อมนุษย์ หากดาวเทียมหรือยานอวกาศตกลงมาสู่พื้นโลก เช่น สถานีอวกาศเมียร์
 

คำถามท้ายบทที่ 7 ระบบสุริยะ

คำถาม                                                                                  

1. เพราะเหตุใดจึงกล่าวว่า ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์รุ่นหลัง
ตอบ ดาวฤกษ์เกิดจากการยุบ ตัวของเนบิวลาที่เกิดจากแรงโน้มถ่วงของเนบิวลาเอง ทำให้ที่แกนกลางของเนบิวลาที่ยุบตัวลงนี้ จะมีอุณหภูมิสูงกว่าที่ขอบนอก เมื่ออุณหภูมิแกนกลางสูงมากขึ้น เป็นหลายแสนองศาเซลเซียส เรียกช่วงนี้ว่า ดาวฤกษ์ก่อนเกิด” (protostar) หลังจากที่ดวงอาทิตย์เพิ่งกำเนิดขึ้นมาจะคงสภาพที่ใหญ่กว่าปัจจุบันเล็กน้อย อุณหภูมิที่แกนกลางสูงขึ้นไปถึง 15 ล้าน เคลวิน และปฏิกิริยาเทอร์โมนิวเคลียร์ได้เริ่มต้นขึ้น หลอมนิวเคลียสไฮโดรเจนเป็นนิวเคลียสฮีเลียม เมื่อเกิดความสมดุลระหว่างแรงโน้มถ่วงกับแรงดันของแก๊สร้อน ทำให้ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์สมบูรณ์ จึงกล่าวได้ว่า ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์รุ่นหลัง

2. ดวงอาทิตย์เกิดขึ้นได้อย่างไร และจะมิวิวัฒนาการอย่างไร
ตอบ ดวงอาทิตย์เกิดจากการ ยุบตัวของเนบิวลา ซึ่งการยุบตัวนี้เกิดจากแรงโน้มถ่วงของเนบิวลาเอง เมื่อแก๊สยุบตัวลง ความดันของแก๊สจะสูงขึ้น ผลที่ตามมา คือ อุณหภูมิของแก๊สจะสูงขึ้นที่บริเวณแกนกลางเป็นหลายแสนองศาเซลเซียส เรียกช่วงนี้ว่า ดาวฤกษ์ก่อนเกิดเมื่อแรงโน้มถ่วงถึงให้แก๊สยุบตัวลงไปอีก อุณหภูมิสูงขึ้นเป็น 15 ล้านเคลวิน ซึ่งเป็นอุณหภูมิสูงมากพอที่จะเกิดปฏิกิริยาเทอร์โมนิวเคลียร์ (thermonuclear reaction) หลอม นิวเคลียสไฮโดรเจนเป็นนิวเคลียสฮีเลียม เมื่อเกิดความสมดุลระหว่างแรงโน้มถ่วงกับแรงดันของแก๊สร้อนจะทำให้ดวง อาทิตย์มีความสมบูรณ์ขึ้น วิวัฒนาการของดวงอาทิตย์ มีดังนี้ คือ เมื่อธาตุไฮโดรเจนที่ใช้เป็นเชื้อเพลงเหลือน้อย แรงโน้มถ่วง เนื่องจากมวลของดวงอาทิตย์สูงกว่าแรงดัน ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นมากกว่าเดิมเป็น 100 ล้านเคลวิ น จนเกิดปฏิกิริยาเทอร์โมนิวเคลียร์หลอมรวมนิวเคลียสของธาตุฮีเลียมเป็น นิวเคลียสของคาร์บอน ในขณะเดียวกันไฮโดรเจนที่อยู่รอบนอกแกนฮีเลียม มีอุณหภูมิสูงถึง 15 ล้านเคลวิน จะเกิดปฏิกิริยาเทอร์โมนิวเคลียร์หลอมไฮโดรเจนเป็นฮีเลียมครั้งใหม่ได้ พลังงานออกมาอย่างมหาศาล ทำให้ดวงอาทิตย์มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 100 เท่า ของขนาดปัจจุบัน เมื่อผิวด้านนอกขยายตัว อุณหภูมิผิวจะลดลง สีจะเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีแดง เรียกว่า ดาวยักษ์แดง ซึ่งมีชีวิตค่อนข้างสั้น ที่แกนกลางของดวงอาทิตย์ซึ่งอยู่ในสภาพดาวยักษ์แดง ในช่วงท้ายของชีวิตจะไม่เกิดปฏิกิริยาเทอร์โมนิวเคลียร์ที่หลอมฮีเลียมเป็น คาร์บอนอีกต่อไป แรงโน้มถ่วงจะทำให้แกนกลางของดาวยักษ์แดงยุบตัวลง กลายเป็นดาวแคระขาว ขณะเดียวกันกับที่แกนกลางเกิดการยุบตัว มวลของผิวดาวรอบนอกไม่ได้ยุบเข้ามารวมด้วย จึงมีชั้นของแก๊สหุ้มอยู่รอบ เกิดเป็นเนบิวลาดาวเคราะห์ ซึ่งจะเคลื่อนห่างออกไปจากดาวแคระขาว กระจายออกไปในอวกาศ

3. เพราะเหตุใดโลก ดาวศุกร์ ดาวอังคาร และดาวพุธ จึงถูกจัดเป็นดาวเคราะห์หินและเกิดได้อย่างไร
ตอบ เพราะโลก ดาวศุกร์ ดาวอังคาร และดาวพุธ ต่างเป็นดาวเคราะห์ ที่มีพื้นผิวเป็นพื้นหินแข็งชัดเจน ดาวเคราะห์หินเกิดจากตอนที่ดาวเคราะห์เพิ่งกำเนิดขึ้นเมื่อ 4,600 ล้านปีมาแล้ว มีภูเขาน้ำแข็งและก้อนหินจำนวนมากที่เหลือจากการสร้างดวงอาทิตย์อยู่ในบริเวณที่เป็นดาวเคราะห์หินในปัจจุบัน ต่อมาอีก 500 ล้าน ปี วัตถุก้อนใหญ่ก็ดึงก้อนเล็กเข้าหา เกิดการชนกันพอกพูนจนใหญ่โตขึ้น เศษที่เหลืออยู่มีจำนวนน้อยลง ขณะเดียวกันวัตถุที่ระเหยง่ายหรือเบา เช่น น้ำและไฮโดรเจน ก็ถูกพลังงานจากการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์ ผลักดันให้ออกไปอยู่ที่ชั้นนอกของระบบสุริยะ ดังนั้น ดาวเคราะห์ชั้นในจึงเป็นหิน

4. เพราะเหตุใดดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน จึงถูกจัดเป็นดาวเคราะห์ยักษ์และเกิด
ได้อย่างไร    
ตอบ เพราะ มีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นแก๊สไฮโดรเจนหรือแก๊สแอมโมเนียและมีเทน ไม่มีพื้นผิวดาวชัดเจน ภายในดาวเคราะห์ยักษ์ เป็นแก๊สความดันสูงหรือแก๊สเหลว ซึ่งมักมีอุณหภูมิและความดันสูงมาก มีขนาดใหญ่ ดาวเคราะห์ยักษ์เกิดขึ้นเนื่องจากในขณะที่ระบบสุริยะกำลังเกิดขึ้นนั้น ดาวเคราะห์ยักษ์ขยายใหญ่ขึ้นมากกว่าดาวเคราะห์หิน ซึ่งอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ เพราะอยู่ในบริเวณที่เย็นกว่า ก้อนสารที่รวมกันอยู่ชั้นนอกของระบบสุริยะรวมถึงก้อนน้ำแข็งสกปรกและแก๊สที่ แข็งตัว เป็นส่วนหนึ่งของดาวเคราะห์ยักษ์ด้วย เมื่อเข้าไปใกล้ดวงอาทิตย์ ความร้อนจากดวงอาทิตย์จะทำให้สารที่ระเหยง่าย เช่น น้ำ ระเหยออกจากดาวเคราะห์ชั้นใน เหลือแต่ส่วนที่เป็นหินแข็งและโลหะ เมื่อวัตถุที่เป็นของแข็งในตอนเริ่มต้นมีขนาดใหญ่กว่าแรงโน้มถ่วงที่สูงของ ดาวที่กำลังโตขึ้น จึงดึงดูดเอาแก๊สจำนวนมากไว้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของดาวเคราะห์ ทำให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นดาวเคราะห์ยักษ์

5. ดาวเคราะห์น้อยและดาวหาง อยู่บริเวณใดของระบบสุริยะ และเกิดได้อย่างไร
ตอบ ดาวเคราะห์น้อย จะโคจรอยู่ระหว่างดาวอังคารกับดาวพฤหัสบดี ในระบบสุริยะ
ดาวหางอยู่รอบนอกของระบบสุริยะ  ดาว เคราะห์น้อยเกิดจากเศษที่เหลือจากการพอกพูนของดาวเคราะห์หิน ถูกแรงรบกวนของดาวพฤหัสบดี ซึ่งมีขนาดใหญ่และเกิดมาก่อน ทำให้มวลสารในบริเวณแถบของดาวเคราะห์น้อยจับตัวกันมีขนาดใหญ่ไม่ได้ จึงปรากฏมีแต่ดาวเคราะห์น้อยขนาดเล็กๆ จำนวนมาก ดาวหาง เกิดจากเศษเหลือจากดาวเคราะห์ยักษ์ที่ประกอบด้วยก้อนน้ำแข็งและแก๊สแข็งตัว หลายชนิด รวมทั้งฝุ่นที่ปะปนอยู่ เมื่อก้อนน้ำแข็งนี้เข้าใกล้ดวงอาทิตย์จะได้รับรังสี ทำให้เกิดการระเหิดของวัตถุบางส่วน เกิดการพุ่งกระจายของธุลี และแก๊สออกมาจากนิวเคลียสหรือแกน เป็นส่วนหัวของดาวหางและส่วนหาง

6. การระเบิดจ้าบนดวงอาทิตย์คืออะไร มีผลกระทบต่อโลกหรือไม่ อย่างไร
ตอบ ปรากฏการณ์การระเบิดจ้าบนดวงอาทิตย์ (Solar Flare) เป็น อีกรูปแบบหนึ่งของการระเบิดบนผิวของดวงอาทิตย์ การระเบิดจ้ามักเกิด ณ บริเวณที่เป็นจุด ซึ่งดวงอาทิตย์จะเกิดจุดมากที่สุดทุกๆ ประมาณ 11 ปี ช่วงที่มีจุดมากจะมีการระเบิดจ้ามากด้วย ทำให้อนุภาคโปรตอนและอิเล็กตรอนถูกปลดปล่อยจากดวงอาทิตย์ เป็นจำนวนมากกว่าปกติ เรียกว่า พายุสุริยะ  การ ระเบิดจ้ามีผลต่อโลก คือ การเกิดแสงเหนือ - แสงใต้ เกิดไฟฟ้าแรงสูงดับในประเทศที่อยู่ใกล้ขั้วโลก เกิดการติดขัดทางการสื่อสารโดยเฉพาะวิทยุคลื่นสั้นทั่วโลก และวงจรอิเล็กทรอนิกส์ในดาวเทียมอาจถูกทำลาย
 

วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

คำถามท้ายบทที่ 6 ดาวฤกษ์

คำถาม                                                                                                  

1.ดาวฤกษ์แต่ละดวงมีความเหมือนและความแตกต่างกันในเรื่องใดบ้าง
ตอบ      ดาวฤกษ์แต่ละดวงมีความเหมือนกันอยู่ 2 อย่าง คือ
1)      มีพลังงานในตัวเอง
2)     เป็นแหล่งกำเนิดธาตุต่างๆ เช่น ธาตุฮีเลียม ลิเทียม และเบริลเลียม
ดาว ฤกษ์แต่ละดวงมีความแตกต่างกันดังนี้ คือ มวล อุณหภูมิผิว สี อายุ องค์ประกอบทางเคมี ขนาด ระยะห่าง ความสว่าง ระบบดาว และการวิวัฒนาการ

2.หลุมดำคืออะไร ต่างจากคาวนิวตรอนอย่างไร
ตอบ      หลุมดำ (Black hole) คือ บริเวณในอวกาศที่มีแรงโน้มถ่วงสูง ไม่มีอะไรออกจากบริเวณนี้ได้แม้แต่แสงสว่าง ซึ่งเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 300,000 กิโลเมตรต่อวินาที ก็ออกจากหลุมดำไม่ได้ เมื่อไม่มีแสงออกมาหลุมดำจึงมืด
                   หลุมดำอาจแบ่งได้เป็นสามจำพวกใหญ่ๆ คือ
1. หลุม ดำที่เกิดจากดาวฤกษ์ตายแล้ว เมื่อดาวฤกษ์ที่มวลมากๆ ถึงคราวหมดอายุขัย จะเกิดการระเบิดเป็น ซูเปอร์โนวา หากหลังการระเบิดยังหลงเหลือมวลสารที่ใจกลางของดาวมากกว่า 3 เท่าของมวลดวงอาทิตย์ มวลสารใจกลางดาวนั้นจะยุบตัวลงเป็นหลุมดำ ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดรังสีเอกซ์หลายแห่งในกาแล็กซีทางช้างเผือก เช่น Cygnus X - 1 ในกลุ่มดาวหงส์ ก็เชื่อว่า เป็นหลุมดำชนิดนี้
2. หลุม ดำยักษ์ หลุมดำจำพวกนี้จะมีมวลมากมายมหาศาล อาจมีมวลมากนับเป็นหลายพันล้านเท่าของดวงอาทิตย์ ส่วนใหญ่จะพบอยู่ในใจกลางของกาแล็กซีขนาดใหญ่ๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ นักดาราศาสตร์พบหลุมดำชนิดนี้อยู่ตามกาแล็กซีขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก รวมทั้งกาแล็กซีทางช้างเผือกของเราด้วย
3. หลุม ดำจิ๋ว เป็นหลุมดำที่มีมวลเพียงไม่กี่ร้อยล้านตัน มีขนาดเล็กเพียงขนาดของอะตอมเท่านั้น เกิดขึ้นหลังจากเกิด บิกแบง ได้ไม่นาน หลุมดำชนิดนี้จะมีอายุสั้นและจะสลายตัวด้วยการระเบิด ปลดปล่อยรังสีแกมมาออกมา หลุมดำจิ๋วนี้เป็นหลุมดำในทางทฤษฎี จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการค้นพบอย่างเป็นทางการ
ดาวนิวตรอน (Neutron star) คือ ดาวซึ่งมีมวลอยู่ในช่วงระหว่าง 8 ถึง 18 เท่าของมวลดวงอาทิตย์ ซึ่งได้ยุบตัวลงเนื่องจากแรงโน้มถ่วงของตัวเอง องค์ประกอบของดาวประกอบด้วยนิวตรอนล้วนๆ ดาวนิวตรอนมีขนาดเล็กมาก มีเส้นผ่านศูนย์กลางเพียงประมาณ10 กิโลเมตร และมีความหนาแน่นประมาณ 1017 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ดาวนิวตรอนสามารถตรวจพบได้ในรูปของ พัลซาร์

3.เนบิวลาคืออะไร และเกี่ยวข้องกับดาวฤกษ์อย่างไร
ตอบ      เนบิวลา คือ กลุ่มแก๊สและฝุ่นที่เกิดขึ้นในอวกาศภายในกาแล็กซี
เกี่ยวข้องกันกับดาวฤกษ์ คือ ดาวฤกษ์เกิดจากการยุบรวมตัวของเนบิวลา หรือกล่าวอีกอย่างว่า เนบิวลา เป็นแหล่งกำเนิดของดาวฤกษ์ทุกประเภท

4.ธาตุต่างๆในโลกและในตัวเรา เกิดจากที่ใด
ตอบ      ธาตุ ต่างๆ ในโลกเกิดจากการระเบิดของกลุ่มแก๊สภายในดวงดาว เช่น การระเบิดภายในดาวฤกษ์ที่มีความร้อนและความดันมหาศาล ที่เรียกว่า ซูเปอร์โนวา ทำให้เกิดธาตุหนัก เช่น ยูเรเนียม หรือทองคำขึ้นได้
ธาตุ ต่างๆ ในตัวเราเกิดจากพืชสร้างอาหารขึ้นโดยวิธีสังเคราะห์แสง เมื่อเรารับประทานพืชก็จะได้สารอาหารที่ทำให้เกิดธาตุต่างๆ ขึ้นภายในตัวเรา

5.ดาวฤกษ์ที่อยู่ในกลุ่มดาวฤกษ์เดียวกัน อยู่ห่างจากโลกเท่ากันหรือไม่
ตอบ      ดาวฤกษ์ที่อยู่ในกลุ่มดาวเดียวกันอาจอยู่ห่างจากโลกไม่เท่ากัน เพราะกลุ่มดาวฤกษ์เป็นเพียงภาพที่เห็นดาวอยู่ในทิศทางเดียวกันเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้กัน


6.ดาวตานกอินทรีมีโชติมาตร 0.76 ดาววีกามีโชติมาตร 0.03 ดาวหางหงส์มีโชติมาตร 1.25 ดาวปากหงส์มีโชติมาตร 3.36 ตามลำดับ จงเรียงลำดับดาวฤกษ์ที่สว่างมากที่สุดไปยังน้อยที่สุด
ตอบ      ดาววีกา ดาวตานกอินทรี ดาวหางหงส์ ดาวปากหงส์

7.ดาววีกามีแพรัลแลกซ์ 0.129 พิลิปดา ดาววีกาอยู่ห่างจากโลกกี่ปีแสง
ตอบ      พาราแลกซ์ 1 ฟิลิปดาคือระทาง 3.26 ปีแสง (1 parsec)
และมุมพาราแลกซ์แปรผกผันกับระยะทาง
ดังนั้น 0.129 ฟิลิบดาคือระยะห่าง 3.26/0.129 = 25.27 ปีแสง

คำถามท้ายบทที่ 5 เรื่อง เอกภพ

คำถาม                                                                                                

 1.เพราะเหตุใดนักดาราศาสตร์ส่วนใหญ่จึงเห็นด้วยกับทฤษฎีบิกแบง ที่ใช้อธิบายกำเนิดเอกภาพ
ตอบ      ทฤษฎีบิกแบงมีหลักฐานหรือปรากฏการณ์ที่สนับสนุนอยู่ 2 อย่าง
1)    การขยายตัวของเอกภพ
2)   อุณหภูมิพื้นหลังของเอกภพ ปัจจุบันลดลงเหลือ 2 - 73 เคลวิน
จากหลักฐานทั้ง 2 ข้อ จึงทำให้นักดาราศาสตร์เห็นด้วยกับทฤษฎีบิกแบง

2.มีธาตุอะไรมากที่สุดในเอกภาพ
ตอบ      ธาตุที่มีมากที่สุดในเอกภพคือ ธาตุไฮโดรเจน

3.เอกภพประกอบด้วยระบบที่เล็กกว่า มีอะไรบ้าง
ตอบ      เอกภพประกอบด้วยระบบสุริยะและระบบกาแล็กซี

4.เอกภพเมื่ออายุประมาณ 300,000 ปี มีธาตุอะไรเป็นองค์ประกอบสำคัญบ้าง
ตอบ      ธาตุไฮโดรเจน และธาตุฮีเลียม

5.หลักฐานใดที่แสดงว่าเอกภพกำลังขยายตัวอยู่ในปัจจุบัน
ตอบ      ค.ศ. 1920 เอ็ดวิน ฮับเบิล ได้ใช้ข้อมูลจากการสังเกตกาแล็กซีต่างๆ จำนวนมากพบว่ากาแล็กซีเหล่านั้นเกิดปรากฏการณ์เลื่อนทางแดงของเส้นสเปกตรัม จากความรู้ทางฟิสิกส์พื้นฐานของนักวิทยาศาสตร์ทราบดีว่า เมื่อพบปรากฏการณ์เลื่อนทางแดงของวัตถุท้องฟ้าใด แสดงว่าวัตถุนั้นกำลังเคลื่อนที่ถอยหางออกจากผู้สังเกตบนโลก

6.กฎฮับเบิลมีว่าอย่างไร
ตอบ         = H0d
                   = ความเร็วในการถอยห่างของกาแล็กซี
                H0   = ค่าคงที่ของฮับเบิล
                      = 71 km/s/Mpc
                  d   = ระยะทางถึงกาแล็กซี

7.ถ้าค่า H0 = 70 km s-1 Mpc-1 แล้วเอกภพจะมีอายุและรัศมีประมาณเท่าใด
ตอบ     ประมาณ 13,000 ล้านปี

8.คลื่นไมโครเวฟพื้นหลังจากอวกาศสนับสนุนทฤษฎีบิกแบงอย่างไร
ตอบ      เพราะเป็นคลื่นไมโครเวฟที่หลงเหลืออยู่หลังจากการระเบิดออกของวัตถุความร้อน มหาศาล (ช่วง Big-Bang) หากไม่มี Big-Bang ก็จะไม่ตรวจพบคลื่นนี้ แต่บังเอิญตรวจพบ (บังเอิญพบโดยนักวิทยาศาสตร์สมัครเล่น) จึงกล่าวได้ว่า เมื่อนานมาแล้ว เกิด Big-Bang ให้เอกภพกำเนิดขึ้นมาครับ

9.กาแล็กซีคืออะไร และมีกี่ประเภท อะไรบ้าง
ตอบ      กาแลคซี (Galaxy) ซึ่งประกอบด้วย ดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ อุกกาบาต ฝุ่นผงและ แก็สในอวกาศ กาแลคซีเมื่อแบ่งโดยใช้รูปร่างเป็นเกณฑ์แบ่งออก 4 ประเภท คือ
1 กาแล็กซี่รูปวงกลมรี
2.กาแล็กซีรูปก้นหอย
3.กาแล็กซีรูปก้นหอยคาน
4.กาแล็กซีไร้รูปร่าง

10.กาแล็กซีทางช้างเผือกมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 100,000 ปีแสง คิดเป็นระยะทางกี่กิโลเมตร
ตอบ      1 ปีแสง คิดเป็นระยะทางประมาณ        =        9.5 × 1012                กิโลเมตร
            105 ปีแสง คิดเป็นระยะทางประมาณ    =        9.5 × 1012 × 105        กิโลเมตร
             ดังนั้น คิดเป็นระยะทาง                       =        9.5 × 1017              กิโลเมตร

11.ทางช้างเผือกกับกาแล็กซีทางช้างเผือก เหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร
ตอบ      ทางช้างเผือก เกิดจากดาวฤกษ์หลายหมื่นล้านดวงที่มาอยู่รวมกัน เห็นเป็นแนวฝ้าขาวจางๆ ขนาดกว้างประมาณ 15๐ พาดผ่านเป็นทางยาวรอบท้องฟ้า
กาแล็กซี ทางช้างเผือก ประกอบด้วยดาวฤกษ์ 200,000 ล้านดวงและเมฆฝุ่นกับแก๊สที่เรียกว่า เนบิวลา รวมทั้งระบบสุริยะ ทางช้างเผือกเป็นส่วนหนึ่งของกาแล็กซีทางช้างเผือก

12.กาแล็กซีแมกเจลแลนใหญ่แตกต่างจากกาแล็กซีแอนโครเมดาอย่างไรบ้าง
ตอบ      กาแล็กซีแมกเจลแลนใหญ่ จะโคจรรอบทางช้างเผือกที่ระยะห่างประมาณ 200,000 ปีแสง เป็นกาแล็กซีแบบไร้รูปทรงหรือมีรูปร่างไม่แน่นอน มีความสว่างมากจนสามารถมองเห็นได้คล้ายกับก้อนเมฆในยามค่ำคืน อยู่ใกล้ขอบฟ้าทิศใต้ เป็นกาแล็กซีที่อยู่ใกล้เราที่สุด
กาแล็กซี แอนโดรเมดา มองเห็นอยู่ในบริเวณท้องฟ้าทางเหนือ มีรูปร่างแบบกังหัน เหมือนกาแล็กซีทางช้างเผือก กาแล็กซีแอนโดรเมดาอยู่ห่างจากกาแล็กซีทางช้างเผือกของเราไกลประมาณ 2 ล้านปีแสง มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า M31 หรือNGC 224

 

วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ย้อนเวลาประวัติศาสตร์ทางธรณีวิทยา



หิน

รู้เรื่องโลก

สัมภาษณ์ พี่ต่อ ธนญชัย ผู้กำกับโฆษณาระดับโลก

ขอคั่นความรู้เกี่ยวกับดาราศาสตร์นิดหน่อยนะครับ 
อยากให้ทุกคนมีแนวคิดแบบใหม่ๆ

วันพฤหัสบดีที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2555

คำถามท้ายบทที่ 4 เรื่อง ธรณีประวัติ

คำถาม                                                                                                                    

1. นักวิทยาศาสตร์ทราบได้อย่างไรว่า ครั้งหนึ่งบนโลกมีไดโนเสาร์อาศัยอยู่
ตอบ นักวิทยาศาสตร์พบหลักฐานการมีอยู่ของไดโนเสาร์โดยการศึกษาซาดึกดำบรรพ์

2. เพราะเหตุใดเราจึงไม่ค่อยพบซากดึกดำบรรพ์ในกลุ่มอัคนี และหินแปร
ตอบ เพราะหินอัคนีนั้นคือหินภูเขาที่พ่นออกมาและแข็งตัวลงดังนั้นจึงเป็นการยากที่จะพบฟอสซิล และหินแปรเป็นที่มีการแปรสภาพโดยความกดดันและความร้อนจึงเป็นเรื่องยากที่จะพบฟอสซิล
3. ซากดึกดำบรรพ์ที่ค้นพบสามารถบอกอะไรแก่เราได้บ้าง
ตอบ 1) บอกอายุของสิ่งมีชีวิเจ้าของฟอสซิล
2) บอกสภาพแวดล้อมในขนาดที่สิ่งมีชีวิตเจ้าของฟอสซิลยังดำรงชีวิตอยู่
3) บอกลักษณะของสิ่งมีชีวิตเจ้าของฟอสซิล
4) บอกสาเหตุการตายของสิ่งมีชีวิตเจ้าของฟอสซิล

4. ซากดึกกำบรรพ์ที่ดีและบ่งชี้อายุได้ชัดเจนควรเป็นอย่างไร อธิบายพร้อมยกตัวอย่างเท่าที่ทราบ
ตอบ ควรมีลักษณะสมบูรณ์ใกล้เคียงกับลักษณะตอนที่สิ่งมีชีวิตเจ้าของซากฟอสซิลนั้นยังมีชีวิตอยู่ เช่น ซากฟอสซิลช้างแมมอธชื่อ ลิวบาที่มีสภาพสมบูรณ์จากกาารถูกแช่แข็ง หรือซากแมลง ที่อยู่ในอำพันซึ่งเกิดจากยางไม้

5. การลำดับชั้นหินและซากดึกดำบรรพ์ที่พบ มีความสำคัญอย่างไรกับการศึกษาความเป็นมาของโลก
ตอบ เพราะซากฟอสซิลและลำดับชั้นหินนั้นสามารถบอกได้ถึงอายุและความเก่าแก่ของเจ้าของซอสซิล
สภาพความเป็นอยู่ในขนาดมีชีวิต รวมไปถึงสาเหตุของการตายของสิ่งมีชีวิต ซึ่งล้วนแล้วแต่เชื่อม
โยงไปยังสภาพแวดล้อมของโลกในโดยซึ่งศึกษาจากหลักฐานทางเคมีในชั้นดิน เช่น การศึกษาการสูญพันธุ์ของไดโดนเสาร์ไปจากโลกโดยการศึกษาซากฟอสซิลที่มีอายุอยู่ในช่วงนั้นและตรวจสอบชั้นดินในขนาดนั้นเพื่อวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริง

6. ถ้านักเรียนสำรวจพบซากดึกดำบรรพ์ของปะการังบนยอดเขาแห่งหนึ่ง นักเรียนมีความเห็นเกี่ยวกับการกำเนิดภูเขานั้นอย่งไรจงอธิบาย
ตอบ 1) ภูเขาลูกนี้เกิดจากอยู่ยกตัวของพื้นดินที่มีสาเหตุมาจากการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณี ทำให้ภูเขายก
ตัวขึ้นมาพ้นน้ำ
2) เกิดจากการลดลงของระดับน้ำทะเลทำให้ภูเขาใต้มหาสมุทรโผล่ขึ้นมาจากน้ำ จาก 2 กรณียังไม่สามารถสรุปได้แน่นอนเพราะยังขาดหลักฐานอื่นที่ทำให้เชื่อได้ว่าเกิดจากกรณีใด กรณีหนึ่ง



คำถามท้ายบทที่ 3 เรื่อง ปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยา

คำถาม                                                                                       

1. อธิบายความแตกต่างระหว่างคำต่อไปนี้ "ศูนย์เกิดแผ่นดินไหว" กับ "จุดเหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหว"
ตอบ ศูนย์เกิดแผ่นดินไหว คือตำแหน่งที่เกิดการเคลื่อนตัวของแผ่นดินที่ให้เกิดการสั่นไหว แต่ จุดเหนือศูนย์แผนดินไหว คือตำแหน่งที่อยู่เหนือตำแหน่งของตำแหน่งที่เกิดการเคลื่อนตัว ของแผ่นดินที่ให้เกิดการสั่นไหวขึ้นมาบนพื้นดิน

2. แนวที่เกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณใดของผิวโลก ในประเทศไทยมีแยวเสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดหรือไม่
ตอบ แนวภูเขาไฟและแผ่นดินไหวนั้นจะอยู่บริเวณรอยเลื่อนต่างๆของเปลือกโลก ซึ่งประเทศไทยนั้นมีแนว รอยเลื่อนขนาดเล็กอยู่ตามแนวชายแดนภาคตะวันตก แต่ภูเขาไฟในประเทศไทยไนั้นเป็นภูเขาไฟ ที่ไม่มีพลังแล้วทั้งสิ้น

3. แมกมาที่แทรกตัวอยู่ตามรอยแยก รอยแตกของหินใต้พื้นผิวโลกเมื่อแข็งตัวจะกลายเป็นหินชนิดใด
ตอบ หินไรโอไลต์(Ryolite), หินแอนดีไซต์(Andesite), หินบะซอลต์(Basalt) หินทัฟฟ์ (tuff), หินแอกโกเมอเรต(agglomerate), หินพัมมิซ (Pumice), หินสคอเรีย (Scoria), หินออบซีเดียน (Obsedian) เป็นต้น

4. อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหว
ตอบ สาเหตุเกิดจากการเลื่อนของแผ่นธรณีทำให้เกิดความเครียดสะสมและปลดปล่อยออกมาเป็น คลื่นปฐมภูมิ และคลื่นทติยภุมิ

5. นักเรียนคิดอย่างไรจากคำกล่าวที่ว่า "ภูเขาไฟเสมือนหน้าต่างที่สามารถมองเห็นถึงภายในโลก"
ตอบ เป็นคำเปรียบเทียบถึงการที่เรา สามารถนำวัตถุที่ภูเขาไฟพ่นออกมาเพื่อศึกษา และองค์ประกอบ ของหินเพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบภายในโลก

6. บอกประโยชน์และโทษของการเกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิด
ตอบ ประโยชน์ของภูเขาไฟระเบิด
1) ทำให้เกิดแผ่นดินใหม่
2) แร่ธาตุมหาศาลทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์บนพื้นดิน
3) ทำให้สามารถศึกษาองค์ประกอบของโลกจากการศึกษาองค์ประกอบของธาตุที่ภูเขาไฟ
พ่นออกมา
4) ทำให้เกิดอัญมณีมีค่าทางเศรษฐกิจ
5) เป็นแหล่องท่องเที่ยวเชิงวิทยาศาสตร์
โทษของภูเขาไฟ
1) สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อชีวิตและทรัพย์ต่อพื้นที่


วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2555

คำถามท้ายบทที่ 2 โลกและการเปลี่ยนแปลง

คำถามท้ายบท                                                                               

1.หลักฐานที่แสดงว่าทวีปต่าง ๆ เคยเชื่อมต่อกันมีอะไรบ้าง
 ตอบ - รอยต่อของขอบทวีปต่าง ๆ สามารถเชื่อมต่อกันได้
       -    หลักฐานความคล้ายกันของกลุ่มหินประเภทและช่วงอายุเดียวกันในทวีปต่าง ๆ
       -    หลักฐานการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ชนิดเดียวกันที่พบในทวีปต่าง ๆ  

2.นัก เรียนเข้าใจเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของทวีปอย่างไร ให้อธิบายและยกตัวอย่างหลักฐานหรือข้อมูลที่นักวิทยาศาสตร์ใช้เป็นเหตุผล สนับสนุน
ตอบ -  หลักฐานสันเขาใต้สมุทร และร่องลึกใต้สมุทร
       -  หลักฐานอายุหินบริเวณพื้นมหาสมุทร
       -  หลักฐานภาวะแม่เหล็กโลกบรรพกาล

3.เพราะเหตุใดปรากฏการณ์ภูเขาไฟระเบิดและแผ่นดินไหว มักจะเกิดตามเขตมุดตัวของแผ่นธรณี
ตอบ บริเวณ ที่มีการมุดตัวของแผ่นธรณี หินบริเวณดังกล่าวจะได้รับแรงมากระทำตลอดเวลา ทำให้หินตอบสนองต่อแรง โดยเปลี่ยนลักษณะและปลดปล่อยพลังงานออกมาในรูปคลื่นไหวสะเทือนทำให้เกิดแผ่น ดินไหว นอกจากนี้ กระบวนการมุดตัวยังทำให้หินในชั้นเนื้อโลกที่อยู่ใต้แผ่นธรณีที่ถูกหมุดตัว มีจุดหลอมเหลวต่ำลง ทำให้หินหลอมตัวเกิดเป็นแมกมา

4.รอยคดโค้ง รอยแตก รอยเลื่อนในหินมีลักษณะเหมือนกันหรือไม่ และเกิดขึ้นได้อย่างไร
ตอบ รอย คดโค้งในชั้นหิน เป็นระนาบคดโค้งที่พบในชั้นหิน เป็นผลเนื่องมาจากชั้นหินที่มีสมบัติเป็นพลาสติก ตอบสนองต่อแรงที่มากระทำโดยการเปลี่ยนลักษณะ

5.จากแนวการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีต่าง ๆ จะมีผลต่อภูมิประเทศของโลกอย่างไรในอนาคต
ตอบ -   การที่แผ่นธรณีอินเดีย ออสเตรเลียชนกับแผ่นดินยูเรเซีย (แผ่นธรณีเคลื่อนที่เข้าหากัน)ทำให้เกิดเทือกเขาหิมาลัย และเทือกเขาหิมาลัยมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
       -   มหาสมุทรแปซิฟิกจะมีขนาดเล็กลง
 

วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555

คำถามท้ายบทที่1 โครงสร้างโลก

คำถามท้ายบท                                                                                       


1.หินต้นกำเนิดของเเมกมาส่วนใหญ่อยู่บริเวณชั้นเนื้อโลกตอนบน ให้นักเรียนบอกประเภท เเละส่วนประกอบของหินต้นกำเนิดเเมกมา 
ตอบ           มี 3 ประเภท
                 -  หินหนืดบะซอลต์
                 -  หินหนืดไดออไรต์ 
                 -  หินหนืดไรโอไลต์ 
ส่วนประกอบ ทั้งของแข็งและก๊าซ โดยส่วนที่เป็นของแข็งนั้น คือ ผลึกแร่ ที่มีส่วนประกอบที่สำคัญ คือ ธาตุที่พบใน แร่ซิลิก้า ก๊าซที่อยู่ในแมกมานั้น ประกอบไป ด้วย คาร์บอนไดออกไซด์และไอน้ำ ลาวาเป็นส่วน ประกอบที่สำคัญของแมกมานั่นเอง เพียงแต่ส่วนประกอบที่ เป็นก๊าซที่อยู่ในแมกมานั้นได้หายไปกับอากาศหรือน้ำแล้ว
2. คลื่น P เเละ S มีความเเตกต่างอย่างไร
ตอบ   คลื่น P สามารถเคลื่นที่ผ่านตัวกลางได้ทุกสถานะ เเละมีความเร็วมากกว่าคลื่น S
คลื่น S สามารถเคลื่นที่ผ่านได้เฉพาะตัวกลางที่เป็นของเเข็งเท่านั้น
 
3. เมื่อ เกิดแผ่นดินไหว  ณ บริเวณใดบริเวณหนึ่ง  จะเกิดเขตอับคลื่น  S  ( S wave shadow zone ) ที่ครอบคลุมผิวโลกในบริเวณกว้าง ให้นักเรียนใช้ความรู้เกี่ยวกับสมบัติของคลื่นไหวสะเทือนเเละโครงสร้างโลก อธิบายปรากฏการณ์ดังกล่าว
ตอบ    ขณะที่เกิดแผ่นดินไหว จะ เกิดแรงสั่นสะเทือนขยายแผ่จากศูนย์เกิดแผ่นดินไหวออกไปโดยรอบทุกทิศทาง เนื่องจากภายในของโลกมีความหนาแน่นไม่เท่ากัน และมีสถานะต่างกัน คลื่น S ไม่สามารถเดินทางผ่านชั้นของเหลวได้โดยจะต้องผ่านแก่นโลกชั้นนอกซึ่งเป็นของเหลว จึงปรากฏแต่บนซีกโลกเดียวกับจุดเกิดแผ่นดินไหว โดยมีเขตอับอยู่ที่มุม 103 องศาเป็นต้นไป

4.ให้นักเรียนทำแผนผังสรุปโครงสร้างโลกต่อไปนี้ โดยเติมลงในช่องว่างให้สมบูรณ์



 

facebook